
เมื่อวานที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2565 โดยเวลาประมาณ 15.35 น.คุณปวีณา หงสกุล เป็นประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลด้านเพื่อเด็กและสตรี ได้พาอดีตของสาวพยาบาลจำนวน 2 ราย ได้แก่ คุณพลอยและคุณไข่พร้อมด้วยคุณแม่ของคุณไพลินได้รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเคยตกเป็นเหยื่อของ นายฮารุ ผู้ที่มีการหลอกอดีตสาวพยาบาลได้มีการร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วยกันโดยการพูดให้เชื่อและมีการขังและโกหกว่าเป็นหนี้ 140 ล้าน ทำให้อดีตของสาวพยาบาลต้องทำงานเพื่อใช้หนี้ หลังจากที่รองผู้บรรชาการตำรวจสโมสร ถนนวิภาวดีรังสิต ได้มีการรับความช่วยเหลือเพื่อให้ดำเนินการคดีข้อหาค้ามนุษย์
นางสาว ไข่มุกนั้นได้เปิดเผยว่า ได้ถูกชวนมาให้ทำธุรกิจร่วมมีการสร้างภาพว่านายฮารุนั้นเป็นหมอประจำที่สถานทูตของอเมริกามีการสร้างภาพเป็นช่วงๆให้ดูมีความน่าเชื่อถือ ทำให้เกิดความหลงเชื่อจริงๆ
ต่อมาที่มีการเริ่มทำร้ายคือประมาณช่วงเดือน ตุลาคม พ.ศ .2564 ได้มีการบอกว่าเขาเกิดความเสียหายจากการเสียค่าปรับที่เป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ของการออกงานกับรับงานจึงมีความจำเป็นต้องเสียค่าปรับจึงได้มีการเริ่มขายของมีค่าที่มีอยู่หลายๆอย่าง

ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี2565 มีการเริ่มขายคอลลาเจนก็ถูกบังคับให้ทำยอดและถ้าทำยอดไม่ได้ก็จะต้องไปหาเงินมาใช้ตามจำนวนของที่ขายไม่ได้มูลค่าโดยจำนวนราวประมาณ 200,000 บาท ถ้าหาไม่ได้ต้องไปยืมคนอื่นมา
แต่ก่อนนั้นมีการพยายามพูดบอกว่า การทำงานที่รับราชการมันเป็นอุปสรรคต่อการรับงาน และพูดให้เธอลาออกจากราชการเพื่อที่จะเอาเงินบำเหน็จ บำนาญมาใช้เป็นมูลค่าประมาณ 1,000,000 บาท
และนอกจากนี้ยังมีการเอารถ บ้าน ที่ดิน กู้นอกระบบเพื่อไปลงทุน เพื่อมาให้เขาตามที่เขาอ้าง ถ้าโดนข่มขู่โดยตลอดว่า เราไปโกงทำให้เขานั้นมีการเสียเงินไป ดังนั้นเราจะต้องโดนคดีถ้าหากไม่ทำตามที่เขาสั่ง
ห้ามมีการออกจากห้องอีกด้วย ถ้าออกไปจะโดนยามคอยดูและจะโทรแจ้งเขา เพื่อเขาจะแจ้งความ ซึ่งตนเองนั้นก็ไม่มีเงินติดตัวเลยด้วย
ด้วยการโดนตบหน้า โดนต่อย และบอกเพื่อนให้มีความเข้าใจผิดแล้วมองว่าการตบตี เหยียบหัวเป็นเรื่องปกติ อย่างเดือนล่าสุดของเดือน กันยายนโดนเตารีด และหนักสุดนั้นคือการโดนน้ำร้อนราดตัว ซึ่งก็ไม่ได้มีการพาไปาหมอเพราะจะรักษาเอง
คุณไข่มุกได้บอกอีกว่า ตอนนี้กังวลว่าถ้าผู้ต้องหาหลุดมาแล้วจะต้องทำแบบไหนต่อ เพราะกดดันกลัวหนี้สินที่เคยไปกู้ไว้ก็อยากให้ค่อยๆผ่อนได้ไหม ถ้าเราสามารถมีเวลาตั้งตัวได้ จึงอยากให้รองผู้บรรชาการตำรวจดำเนินการช่วยเหลือ

ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่าการสืบสวนพยานต่างๆได้สั่งการให้มีการเร่งดำเนินการสืบสวน และการแจ้งข้อหายังไม่ได้มีการแจ้งเรื่องค้ามนุษย์แต่ถ้ามีการเข้าข่ายก็จะต้องแจ้งข้อหาดำเนินคดีเพิ่มเลยและยังได้บอกอีกว่า รู้สึกดีใจที่เห็นสภาพจิตใจของผู้ถูกกระทำได้ดีขึ้น แข็งแรงขึ้นแตกต่างจากวันแรกที่เข้าไปช่วยเหลือเลย
เครดิต : www.sanook.com